สอวช. ผนึก พพ. ขยายเครือข่ายศูนย์ประสาน-บริการพัฒนาพลังงานทดแทน-อนุรักษ์พลังงาน
สอวช. ผนึก พพ. ขยายเครือข่ายศูนย์ประสานงานและบริการเบ็ดเสร็จ ด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนและส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หนุนพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงรับการลงทุนในประเทศ
24 กันยายน 2568- สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการขยายเครือข่ายศูนย์ประสานงานและบริการเบ็ดเสร็จ (STEM One-Stop Service: STEM OSS) ด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนและส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยมี ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการ สอวช. และนางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวแสดงเจตนารมณ์ในการสร้างความร่วมมือครั้งนี้
ดร.สุรชัย กล่าวถึงภารกิจของ สอวช. ในการทำนโยบายทั้งด้านการอุดมศึกษา (อ.) และด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ซึ่งเรื่องพลังงานเป็นประเด็นที่ สอวช. ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนด้านพลังงานของประเทศ ผ่านการขยายเครือข่าย STEM OSS ซึ่ง สอวช. มีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะแห่งอนาคต และการเชื่อมโยงองค์ความรู้จากภาคการศึกษาไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการ โดยเฉพาะในด้านพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างกลไกการพัฒนาบุคลากรที่มีสมรรถนะสูง สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรฝึกอบรมอย่างคุ้มค่า เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืนและช่วยให้เกิดการพัฒนากำลังคนเพื่อตอบโจทย์ประเทศได้ต่อไป
ด้าน นางสาวนันธิกา กล่าวว่า พพ. มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรด้านพลังงาน ทั้งพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและบริการ รวมถึงการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ผ่านกลไกความร่วมมือกับภาคการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการช่วยเสริมการสร้างและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านพลังงาน และสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานในระดับประเทศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
ทั้งนี้ นางสาวภาณิศา หาญพัฒนนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายนวัตกรรมอุดมศึกษาและการพัฒนาทักษะแห่งอนาคต สอวช. ความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการฝึกอบรม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการพลังงาน โดยใช้ทรัพยากรฝึกอบรมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาบุคลากรให้สามารถผลิตและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัด และเป็นไปตามกฎหมาย เพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและบริการได้อย่างตรงจุด ประกอบด้วย 1. ส่งเสริมการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ และรองรับแนวโน้มการลงทุนในประเทศไทย 2. สนับสนุนการเชื่อมโยงและเสริมศักยภาพการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านพลังงาน พลังงานทางเลือก และการอนุรักษ์พลังงาน ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3. ใช้ทรัพยากรฝึกอบรมอย่างคุ้มค่าในการพัฒนาบุคลากร และสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน
โดยที่ผ่านมา สอวช. ได้ดำเนินการขับเคลื่อน STEM OSS ร่วมกับสำนักเคเอ็กซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เพื่อรองรับ สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงมาตรการและสิทธิประโยชน์ด้านการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง อาทิ มาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package) ต่อมามีการขยายเครือข่าย STEM OSS ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางไปอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย 1. ศูนย์ประสานงานและบริการเบ็ดเสร็จ (STEM One-Stop Service) ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตอัจฉริยะ โดยร่วมมือกับ สถาบันไทย-เยอรมัน 2. ศูนย์ประสานงานและบริการเบ็ดเสร็จ (STEM One-Stop Service) ด้านการพัฒนากำลังคนดิจิทัล โดยร่วมมือกับ วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 3. ศูนย์ประสานงานและบริการเบ็ดเสร็จ (STEM One-Stop Service) ด้านการพัฒนากำลังคนเชิงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
“การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดี ในการส่งเสริมและสนับสนุนการขยายเครือข่าย STEM OSS เพื่อการพัฒนากำลังคน ด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนและส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน” นางสาวภาณิศา กล่าวทิ้งท้าย
