สถิติเผยไรเดอร์ มีอัตราตัวเลขตาย-เจ็บ เพิ่มสูงขึ้นทุกปี เหตุต้องทำงานแข่งกับเวลา!
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่าใรปี 2565 มีกลุ่มไรเดอร์ เกิดอุบัติเหตุ 81 ครั้ง เสียชีวิต 28 ราย บาดเจ็บอีก 36 ราย ขณะที่มอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง แม้จะยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน เพราะบางครั้งมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างก็เป็นไรเดอร์ด้วย และไรเดอร์ก็เป็นมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร คนกลุ่มนี้เปรียบเสมือนคนชายขอบของเมือง ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองหรือดูแลอย่างดีพอ
ผศ.ดร.พฤกษ์ เถาถวิล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี หัวหน้าโครงการศึกษา “งานสวัสดิการไรเดอร์” ระบุว่า ไรเดอร์ถือเป็นแรงงานกลุ่มใหม่ ที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง มีการศึกษาสถิติอุบัติเหตุ ระหว่างการทำงานของกลุ่มนี้ พบว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น บาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิตสูงขึ้นจนน่าตกใจ สร้างผลกระทบกับทั้งตัวไรเดอร์ คนในครอบครัว และผู้ใช้รถใช้ถนคนอื่นๆ (แหล่งที่มา : The Reporters)

ประกันรถมอเตอร์ไซค์คุ้มครองไรเดอร์ส่งอาหารหรือไม่และคุ้มครองอะไรบ้าง?
ในยุคที่การสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน “ไรเดอร์ส่งอาหาร” กลายเป็นอาชีพสำคัญที่เชื่อมระหว่างร้านค้าและผู้บริโภค แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นอาชีพที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง เพราะต้องขับขี่อยู่บนท้องถนนแทบทั้งวัน ทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวน รถติด การเร่งเวลา และอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
“แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุระหว่างส่งอาหาร ประกันรถมอเตอร์ไซค์จะคุ้มครองไหม?”
ประกันจะคุ้มครองได้แต่ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยมอเตอร์ไซค์ที่ทำไว้ ซึ่งประกันแต่ละแบบคุ้มครองอะไรบ้างและไรเดอร์ควรเลือกแบบไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุดวันนี้เราจะพาไปดูกัน
ประกันรถมอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภทและคุ้มครองอะไรบ้าง?
โดยทั่วไป ประกันรถมอเตอร์ไซค์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- ประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
เป็นประกันที่รถทุกคันต้องมีตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครอง “ชีวิตและร่างกายของผู้ประสบภัยจากรถ” ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับ ผู้โดยสาร หรือคู่กรณี
ความคุ้มครองของ พ.ร.บ. มอเตอร์ไซค์
- ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นสูงสุด 30,000 บาท
- กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสูงสุด 500,000 บาท
- ไม่ต้องพิสูจน์ว่าฝ่ายใดผิด
- คุ้มครองทุกกรณีที่เกิดจากการใช้รถยนต์ตามปกติ
ดังนั้น หากไรเดอร์เกิดอุบัติเหตุระหว่างส่งอาหาร
พ.ร.บ. จะยังคง “คุ้มครองชีวิตและร่างกาย” ของไรเดอร์ได้ตามเงื่อนไขแน่นอน
- ประกันภัยภาคสมัครใจ (เช่น ชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 3+)
เป็นประกันที่เจ้าของรถเลือกซื้อเพิ่มเติม เพื่อให้คุ้มครองทั้ง “รถของเรา” และ “คู่กรณี” จากความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ
แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือประกันภัยภาคสมัครใจส่วนใหญ่จะคุ้มครองเฉพาะรถที่ใช้ส่วนบุคคลเท่านั้น หากใช้รถเพื่อ “การพาณิชย์” เช่น รับจ้างหรือส่งอาหาร โดยไม่ได้แจ้งไว้ในกรมธรรม์ บริษัทประกันมีสิทธิ์ “ปฏิเสธการคุ้มครอง” ได้
ทำไมประกันบางแบบไม่คุ้มครองไรเดอร์ส่งอาหาร?
เพราะในเงื่อนไขของประกันส่วนบุคคล (Private Use) จะระบุชัดว่า “ห้ามนำรถไปใช้เพื่อการพาณิชย์”
ซึ่งรวมถึงการขับขี่รับงานส่งอาหาร เช่น Grab, LINE MAN, Robinhood เป็นต้น
ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุในระหว่างทำงานแล้วกรมธรรม์ระบุว่าเป็นการใช้งานส่วนตัว บริษัทประกันอาจอ้างเหตุว่า “ใช้รถผิดประเภท” และไม่จ่ายค่าสินไหม
ประกันรถมอเตอร์ไซค์แบบไหนที่คุ้มครองไรเดอร์ส่งอาหารจริง?
ปัจจุบันบริษัทประกันภัยหลายแห่งได้ออกแบบ “ประกันเฉพาะทางสำหรับไรเดอร์ส่งอาหาร” โดยเฉพาะ เพื่อให้ครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุส่วนบุคคลและความเสียหายต่อรถยนต์ในระหว่างการทำงาน
- ประกันรถมอเตอร์ไซค์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial Use)
เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถเพื่อการหารายได้ เช่น วินมอเตอร์ไซค์หรือไรเดอร์ส่งอาหาร
ความคุ้มครองหลักได้แก่
- ความเสียหายต่อตัวรถจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินและบุคคลภายนอก
- ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ
- เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร
- เงินชดเชยรายวันระหว่างพักรักษาตัว (บางบริษัทมีให้)
ค่าเบี้ยประกัน : เริ่มต้นประมาณ 1,500 – 3,000 บาทต่อปีถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับคนที่ขับรถทุกวันเพื่อทำงาน
- ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) สำหรับไรเดอร์
หลายแพลตฟอร์ม Delivery เช่น Grab, LINE MAN, Robinhood ได้ร่วมมือกับบริษัทประกันภัย เพื่อให้ “ประกันอุบัติเหตุ” แก่ไรเดอร์อัตโนมัติระหว่างปฏิบัติงาน
ตัวอย่างความคุ้มครอง
- ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 50,000 – 100,000 บาท
- เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสูงสุด 300,000 – 1,000,000 บาท
- เงินชดเชยรายวันระหว่างพักรักษาตัววันละ 200 – 500 บาท
- คุ้มครองเฉพาะช่วงเวลาที่ “เปิดรับงานในแอป”
หมายเหตุ : หากปิดแอปหรือออกจากระบบแล้วเกิดอุบัติเหตุ ประกันอาจไม่ครอบคลุม
กรณีที่ประกันรถมอเตอร์ไวค์ไม่คุ้มครองไรเดอร์
ถึงจะมีประกันแล้วก็ตาม แต่หากเข้าข่ายต่อไปนี้ บริษัทประกันสามารถ “ปฏิเสธความคุ้มครอง” ได้
- ขับขี่ขณะ เมาสุราเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
- ไม่มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์
- ใช้รถ “ผิดประเภท” จากที่ระบุในกรมธรรม์
- แข่งรถหรือทดลองความเร็ว
- ก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือจงใจทำร้ายตนเอง
ดังนั้นก่อนซื้อประกันมอเตอร์ไซค์ ควรอ่าน “เงื่อนไขการใช้งานรถ” ให้ชัดเจนว่าระบุว่า “เพื่อการพาณิชย์” หรือไม่ และสำหรับคนที่ใช้ “มอเตอร์ไซค์” เป็นพาหนะในทุกวัน ไม่ว่าจะขับไปทำงาน รับส่งของ หรือขี่รับลมหลังเลิกงาน ความปลอดภัยบนท้องถนนคือสิ่งที่ประมาทไม่ได้
โดยเฉพาะอาชีพไรเดอร์ส่งอาหารที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจยุคดิจิทัล แต่ก็ต้องเผชิญความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป การมี “ประกันรถมอเตอร์ไซค์” จึงไม่ใช่แค่เรื่องการคุ้มครองความเสียหายทางการเงิน แต่คือการ “ดูแลชีวิต” ของคนที่ขับเพื่อเลี้ยงชีพ
อย่ารอให้เกิดเหตุแล้วค่อยคิดเรื่องประกัน เพราะความปลอดภัยควรเริ่มตั้งแต่วันแรกที่สตาร์ทรถออกไปทำงาน สามารถเลือกซื้อประกันรถมอเตอร์ไซค์ได้ง่าย ๆ ที่ “ประกันติดโล่” ทั้งที่ประกันติดโล่ สาขาเงินติดล่อใกล้คุณ หรือคลิกดูรายละเอียดและเช็กสาขาได้ที่ https://www.prakantidloh.com/ หรือโทรสอบถาม Call Center 1501 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง









