สภาอุตฯ-อิมแพ็ค ชูสินค้าไทย
Beyond BeautyASEAN-Bangkok18
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด และอินฟอร์ม่า เอ็กซิบิชั่น ผู้จัดงาน “Beyond Beauty ASEAN-Bangkok 2018” งานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพความงามครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2561 ณ อาคาร 5 – 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เตรียมเปิดโซนพิเศษ “Beauty Made in Thailand” เพื่อส่งเสริมสนับสนุนสินค้า “เมดอินไทยแลนด์” มุ่งชูความเป็นไทย หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดความงามโลก ณ โรงแรม เอ็มโพเรียม สวีทส์ บาย ชาเทรียม เมื่อเร็วๆ นี้
นางเกศมณี เลิศกิจจา รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง กล่าวในการจัดปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “How to promote BEAUTY MADE IN THAILAND to the world” เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องเตรียมความพร้อมและให้ผู้ประกอบการไทยตระหนักถึงความสำคัญของ “สินค้าไทย” และ “แบรนด์ความงามของไทย” บนตลาดโลกว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ของไทยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางที่สำคัญ เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ในปี 2559 ประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวมของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางสูงถึง 2.8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกเครื่องสำอาง 1.12 แสนล้านบาท และมูลค่าภายในประเทศ 1.68 แสนล้านบาท โดยกว่า 97% ของการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เป็นผู้ประกอบการเครื่องสำอางรายย่อย (SMEs)
ถือได้ว่าผู้ประกอบการเครื่องสำอาง SMEs นั้นเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก รัฐบาลจึงผลักดัน และให้ความสำคัญในการพัฒนา และส่งเสริมคุณภาพเครื่องสำอางไทย ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นำนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มศักยภาพแก่ผู้ประกอบการเครื่องสำอาง SMEs ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แตกต่าง และคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย เช่น การนำสมุนไพรไทยกว่า 200,000 ชนิด มาประยุกต์ใช้กับการสร้างผลิตภัณฑ์ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างความโดดเด่นกับแบรนด์ไทยได้
นางเกศมณีกล่าวต่อว่า ตลาดเครื่องสำอางมีการขยายตัวเป็นอย่างมากและมีการใช้เครื่องสำอางทุกกลุ่ม ทุกวัยและเพศ ใช้ตั้งแต่ เด็ก ผู้หญิง ผู้ชายก็ใช้ ทำให้ในปี 2560 ตลาดเครื่องสำอางและความงามเติบโตถึง 7% ซึ่งถือว่าสวนกระแส โดยเฉพาะในกลุ่มดูแลผิวพรรณ Skincare และเส้นผม พวกแชมพู จากมูลค่าตลาดรวมที่ 2.8 แสนล้านบาทในปี2559 ในอดีตบางปียังเคยเติบโตอย่างก้าวกระโดดไม่ต่ำกว่า25%
ทั้งนี้การขยายตัวของอตุสาหกรรนี้ส่วนหนึ่งมาจากภาครัฐให้การสนับสนุน เช่น สบู่ ได้รับความนิยมสูงจากนักท่องเที่ยว ไปได้ดี โดยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำได้ง่าย ไม่แพงและปลอดภัย เพราะเทรนด์เครื่องสำอางเปลี่ยนมาเน้น ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเพิ่มขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีชีวภาพและนาโนเทคเพื่อให้ไม่แพ้และมีการปลดปล่อยสารซึมสู่ผิวได้ดี นอกจากนี้ภาครัฐยังสนับสนุนนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไทยไปจัดงานต่างแดนเพื่อให้ชาวต่างประเทศได้เห็น เช่น ที่จีน หรือ อินเดีย เป็นต้น
“การจัดงานครั้งนี้มีการสัมมนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เชื่อว่า จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเก่งขึ้น ได้ความรู้ที่หาไม่ได้ในมหาวิทยาลัย ให้สามารถทำผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ทั้งในไทย อาเซียน เอเชียและในระดับโลก นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังได้เปิดตัวเอง เปิดโอกาสขยายตลาด แสดงสินค้าให้ต่างประเทศดู หวังว่าจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ประกอบการ”
สำหรับโซนไทย “Beauty Made in Thailand” จะมีประมาณ 200 บริษัท เป็นผู้ประกอบการแบรนด์ไทยเข้าร่วม โชว์จุดแข็ง จุดเด่นของไทย ซึ่งจะช่วยดึงผู้ซื้อ ผู้ขายมาไทย สิ่งที่พยายามจะทำคือ ไทยมีความเก่งเรื่องความสวยความงาม จะแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของไทยมีคุณภาพ ปลอดภัยและใช้แล้วเห็นผล สร้างกลุ่มคนร่วม มาอยู่กลุ่มเดียวกัน ทำให้คนนึกถึงของดี แต่ภายในงานจะมีผู้ประกอบการมากกว่า 700ราย ”
ด้านนางสาว พีรยาพัณณ์ พงษ์สนาม ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโสฝ่ายโครงการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน “Beyond Beauty ASEAN-Bangkok (BBAB)” ถือเป็นเวทีแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจด้านสุขภาพและความงามที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดงานนิทรรศการจาก UFI หรือสมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก
ทางคณะผู้จัดฯ จึงมุ่งหวังให้ BBAB 2018 เป็นจุดนัดพบสำหรับคนในแวดวงอุตสาหกรรมความงามได้พบปะ และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่คนในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม รวมทั้งผนึกกำลังผลักดันธุรกิจสุขภาพและความงามให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก ผ่านโครงการ “Beauty Made in Thailand” ที่กล่าวไปข้างต้น ในปีนี้ BBAB ยังได้แยกการแสดงสินค้าออกเป็น 2 ส่วนคือ “BBAB Finished Products” และ “BBAB Supply Chain”
ในส่วนของ “BBAB Finished Products” แบ่งเป็น 6 โปรไฟล์หลักคือ เครื่องหอม เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำ, สถานเสริมสวยและสปา, ผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมและเล็บ, ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร, ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ออแกนิค, และ โภชนเภสัชและอาหารเสริม
สำหรับ “BBAB Supply Chain” ครอบคลุมหัวใจสำคัญของทุกกระบวนการทางธุรกิจ ตั้งแต่การแยกวัตถุดิบไปจนกระทั่งถึงเสร็จสิ้นกระบวนการผลิตสินค้าความงามทุกประเภท ได้แก่ โรงงานผู้รับจ้างผลิต/การผลิตตามรูปแบบของตนเอง สินค้าตราเฉพาะของร้านค้า, ส่วนผสม และ ห้องปฏิบัติการ, เครื่องจักรและอุปกรณ์, วัสดุเพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์, บรรจุภัณฑ์แก้ว พลาสติก โลหะ, ปั๊ม สเปรย์ วาล์ว ฝาปิด, เครื่องมือ อุปกรณ์สำหรับการผลิตสินค้าตราเฉพาะของร้านค้า, การพิมพ์และฉลาก”
ภายในงานอุ่นเครื่องครั้งนี้ได้รับความสนใจจากบรรดาผู้ประกอบการเครื่องสำอางเป็นจำนวนมาก รวมถึง แบรนด์ “เลอสกิน” ที่เตรียมเข้าร่วมงาน Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2018 เช่นกัน โดยคุณ ชนุพร บุญนิล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทไดอารี่ กรุ๊ป (2017) จำกัด เปิดเผยว่า เปิดบริษัทมาปีนี้เข้าปีที่ 4 มีผลิตภัณฑ์เริ่มที่แฮร์แคร์ก่อน และมาทำผลิตภัณฑ์สกินแคร์ มีโรงงานพร้อมฝ่ายวิจัยเพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่านการรับรอง
ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เริ่มที่สินค้ากลุ่มหอยทากก่อน ที่ขายดีมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 3-4ปีมานี้ กลุ่มที่2 เป็นผลิตภัณฑ์น้ำนม ที่ช่วยกระตุ้นสารเอนโดรฟิน หรือสารที่ให้ความสุขที่เซลล์ประสาทหลั่งออกมา เป็นสารสื่อประสาทที่มีคุณสมบัติกระตุ้น
ผลิตภัณฑ์ “มิว-นิค รามายณะ มอยซ์เจอไรซิ่ง มาสก์” ของบริษัทวรินดา อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด อีกบริษัทที่จะมาร่วมงานด้วย
ช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีที่คิงพาเวอร์ ,เซเว่นอีเลฟเว่น และช่องทางออนไลน์ ยอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ มีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งไปขายมาเลเซีย จีนและลาว ส่วนการเข้าร่วมงาน Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2018 เพื่อต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ให้ต่างประเทศมั่นใจผลิตภัณฑ์ของไทย ที่ผลิตจากโรงงานได้มาตรฐาย GMP
อนึ่งงาน Beyond Beauty ASEAN – Bangkok 2018 จะจัดขึ้นในวันที่ 20 – 22 กันยายน 2561 ณ อาคาร 5 – 8 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.beyondbeautyasean.com
