วช. เปิดตัวศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น วช. -เมธีวิจัยอาวุโส วช. ประจำปี 2568
วช. เปิดตัวศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น วช. และเมธีวิจัยอาวุโส วช. ประจำปี 2568
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดกิจกรรม “เปิดตัวศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น วช. และเมธีวิจัยอาวุโส วช. ประจำปี 2568“ ภายในงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025)” โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมกันนี้ ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษาคณะกรรมการดำเนินงานสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประเด็นเป้าหมายด้านการพัฒนาเส้นทางอาชีพนักวิจัยและนวัตกรรม และการวิจัยเพื่อฐานทางวิชาการ ร่วมกล่าวแสดงความยินดี ณ ห้อง Lotus Suite 5 – 6 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ในฐานะหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเส้นทางอาชีพนักวิจัยและผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรตินักวิจัยอาวุโสที่มีผลงานวิจัยโดดเด่นและทรงคุณค่า ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ พร้อมเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนและนักวิจัยรุ่นใหม่ ให้เกิดความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยที่มีคุณค่า ตอบโจทย์สังคม และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และ วช. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นักวิจัยรวมถึงคณะวิจัยจากทุกสหสาขาวิชาจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วยการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่สังคมไทย ผ่านงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน
ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษาคณะกรรมการดำเนินงานสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประเด็นเป้าหมายด้านการพัฒนาเส้นทางอาชีพนักวิจัยและนวัตกรรม และการวิจัยเพื่อฐานทางวิชาการ กล่าวว่า การสนับสนุน “ทุนศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น” และ “ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัย” วช. มีเป้าหมายในการส่งเสริมนักวิจัยอาวุโสให้สามารถพัฒนาศักยภาพ สร้างองค์ความรู้ใหม่ และต่อยอดงานวิจัยให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในทุกมิติ ทั้งด้านวิชาการ เศรษฐกิจ สังคม และนโยบายสาธารณะ ซึ่งทุนวิจัยทั้งสองประเภทนี้ ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบวิจัยของประเทศ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การพัฒนาและแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาคมวิจัย พร้อมนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการวางรากฐานเชิงระบบ รวมถึงการพัฒนาและขับเคลื่อนกลไกด้านการวิจัยและนวัตกรรม
ภายในงานมีการแถลงเป้าหมายและประโยชน์ที่จะได้รับจากงานวิจัยจากผู้ได้รับทุนศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น ประจำปี 2568 โดย ศาสตราจารย์ ดร.ธนาภัทร ปาลกะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ได้รับทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัย (เมธีวิจัยอาวุโส) ประจำปี 2568 ดังนี้
- ศาสตราจารย์ ดร.ตะวัน สุขน้อย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (นำเสนอโดยผู้แทน รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ ชูจันทร์)
- ศาสตราจารย์ ดร.ปฏิพัทธ์ ทวนทอง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
- ศาสตราจารย์ ดร.ชาติ เจียมไชยศรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- ศาสตราจารย์ นายแพทย์รุ่งโรจน์ พิทยศิริ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.มัลลิกา อิ่มวงศ์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- ศาสตราจารย์ ดร.เบญจมาส เชียรศิลป์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- ศาสตราจารย์ ดร.สิริชัย อดิศักดิ์วัฒนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์ฤทธิ์ ธรรมบุตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์ ดร.นวณัฐ โอศิริ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ศิริมล ตรีพงษ์กรุณา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์ ดร.นิจ ตันติศิรินทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ทั้งนี้ วช. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและยกระดับขีดความสามารถด้านการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ต่อยอดงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ครอบคลุมทั้งภาคการผลิต ภาคบริการ สังคม และชุมชน อันจะนำไปสู่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
