12 ปีคลินิคเทคโนโลยี วท.
นำ “วิทย์-เทคโนฯ”สู่ชุมชน
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.)โดยสำนักส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยี(สส.)จัดการประชุมเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีชุมชน ประจำปี 2558 “๑๒ปีคลินิกเทคโนโลยีกับการนำ วทน.สู่ชุมชน” เพื่อให้เกิดเครือข่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนทุกภาคส่วนและเข้าใจการทำงานร่วมกับศวภ.ขับเคลื่อนแผนงานด้านวทน. วิจัยและพัฒนาเชิงสังคม ชุมชน สู่การปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.)กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการประชุม เครือข่ายความร่วมมือเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีชุมชน ประจำปี 2558 “๑๒ปีคลินิกเทคโนโลยีกับการนำ วทน.สู่ชุมชน” ว่า การจะพัฒนาประเทศในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก สิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การประสบความสำเร็จได้ต้องมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้คือ 1. ต้องมีแรงงานราคาถูกเพื่อให้มีต้นทุนในการผลิตต่ำและสามารถส่งออกไปขายได้ แข่งขันได้ 2. ประเทศจะต้องค้นหาตัวเอง พึ่งพาตัวเอง ต้องพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการผลิตสินค้าและบริการใหม่ๆได้และ3.ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ด้วย นอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพอื่นๆ เช่น ถนน รถไฟ สนามบินและถนนในพื้นที่ชนบท
ดร.พิเชฐยังกล่าวต่อว่า 12 ปีที่ผ่านมา มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานคลินิกเทคโนโลยี อาสาสมัครวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเติบโตและขยายเครือข่ายไปได้มากถึง 67 จังหวัด นับจากเริ่มต้นในปี 2546
กระทรวงฯมีหน่วยงานในสังกัดที่ทำงานวิจัยและพัฒนา สร้างความตระหนักด้านวิทย์ มีกลไกของสำนักส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยี(สส.)และศูนย์ประสานงานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำภูมิภาค(ศวภ.) เป็นองคาพยพที่เชื่อมโยงท้องถิ่นกับกระทรวงฯมานับ 10 ปี และกระทรวงฯจะทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและกระทรวงศึกษาธิการอย่างใกล้ชิดต่อไป ในการทบทวนและพัฒนากิจกรรมร่วมกันอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์รวมถึง การเร่งรัดงานวิจัย พัฒนาและสร้างนวัตกรรม เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาชีวิตและสร้างฐานความรู้สู่ภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ธุรกิจบริการและภาคสังคมชุมชน เครือข่ายความร่วมมือเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชนสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี มีการเชื่อมโยงกันระหว่างกระทรวงฯและสถาบันการศึกษา การเชื่อมโยงกับกระทรวงอื่นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา การมีบุคคลหรือทีมงานเพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์จังหวัด เพื่อช่วยหรือให้คำแนะนำรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นผู้บริหารวิทยาศาสตร์จังหวัดระดับสูง
นอกจากนี้รัฐบาลยังขยับมาตรการหลายอย่างเพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีการสร้างนวัตกรรม เช่น การลดหย่อนภาษีด้านการวิจัยและพัฒนา300% โครงการเคลื่อนย้ายบุคลากรนักวิจัยระหว่างภาครัฐและเอกชน(Talent Mobility)และการเปิดตลาดภาครัฐสำหรับสินค้ามีนวัตกรรม 10% ของบัญชีจัดซื้อจัดจ้าง ขณะที่กระทรวงวิทย์ยังมีอุทยานวิทยาศาสตร์ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อให้บริการวิชาการ สนับสนุนธุรกิจด้านวิทย์-เทคโนโลยีและการเน้นสร้างบุคคลกรทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนาวิทยาศาตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต
“12 ปีที่ผ่านมามีความสำคัญมาก แต่ต่อไปจะขับเคลื่อนเครือข่ายความร่วมมือฯให้มีพลังสูงขึ้นด้วย โดยจะประคับประคองการพัฒนาจังหวัดด้วยวทน.(วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม)ที่มีศักยภาพยิ่งขึ้น มีที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์จังหวัดทำหน้าที่ประสานงานให้การขับเคลื่อนระดับต่างๆเดินไปได้”
ดร.พิเชฐย้ำว่า ที่ผ่านมาเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่อยากได้จากการประชุมครั้งนี้คือ อยากให้แสดงความคิดเห็นเพื่อนำข้อคิดเห็นใหม่ๆไปสู่วิธีการขับเคลื่อนใหม่ๆร่วมกัน ทั้งนี้การประชุมในอดีตมักเน้นใน 4 เรื่องได้แก่ ด้านเกษตร อาหาร พลังงานและสิ่งทอ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชุมชน ในกรณีสินค้าเกษตรนั้น อยากให้ข้อคิดเห็นตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีมักกล่าวย้ำอยู่เสมอคือ จะทำสิ่งใดให้ผลักดันสู่สิ่งที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลดี นำสู่การเปิดตลาดได้กว้าง ผู้บริโภคปลอดภัยและช่วยให้ราคาสินค้าดีขึ้น เป็นมูลค่าเพิ่ม โดย ณ วันนี้สินค้าที่ถือว่าได้มาตรฐานส่วนหนึ่งคือ สินค้า OTOP แต่มีบางส่วนที่ยังต้องปรับปรุง ต่อไปโครงการใดๆจะต้องมุ่งไปที่ “มาตรฐาน” เป็นที่ตั้ง
อนึ่งการประชุมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 สิงหาคม ณ โรงแรมรามาการ์เด้น กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 700 คน นอกจากสร้างความรู้ ความเข้าใจและบทบาทในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมวทน.สู่ภาคการผลิตและเศรษฐกิจชุมชนแล้วยังโชว์สุดยอดนิทรรศการหมูบ้านแม่ข่ายวท.และเครือข่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพและการผลิตสิ่งทอ โครงการ OTOP โครงการผลักดันโดยสมาชิกอสวท. ผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ผ่านการบ่มเพาะของอุทยานวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้ยังได้เปิดโอกาสให้สมาชิก อสวท. และผู้นำหมู่บ้าน วท. จำนวนกว่า 200 คน ศึกษาดูงานด้านเทคโนโลยีในระดับชุมชนของหน่วยงานในสังกัด วท. เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ในวันที่ 11 สิงหาคม 2558 อีกด้วย
ในโอกาสเดียวกันนี้ดร.พิเชฐได้มอบโล่และเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติแก่คลินิกเทคโนโลยีและหมู่บ้านแม่ข่ายวท.ด้วย