5 จว.ใต้ชูกีฬาควบคู่วิชาการ
ปลูกฝัง-ต่อยอด“สานฝันกีฬาฯ”

นราธิวาสร่วมอีก 4 จังหวัดชายแดนใต้ชูกีฬาควบคู่วิชาการ ปลูกฝัง-ต่อยอด“สานฝันกีฬาฯ” ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่มีความสามารถทางด้านกีฬาได้รับโอกาสศึกษาต่อที่สูงขึ้นจนถึงระดับปริญญาตรี รวมถึงสร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ส่งผลเกิดสังคมสันติสุข ตอบสนองนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำร่องโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ยะลา ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การนำของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดยุทธศาสตร์การลดความเหลื่อมล้ำการศึกษาภายใต้กลยุทธ์ต่างๆ ผ่านการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการการศึกษาที่มีคุณภาพ เสมอภาค และยุติธรรม การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทุกระดับ ทุกกลุ่ม และทุกประเภท รวมทั้งการพัฒนาระบบการพัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษา และระบบการสนับสนุนการจัดการศึกษา ประกอบกับภารกิจของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ในกลุ่มงานด้านการศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ในปีงบประมาณ 2559 ได้กำหนดการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และสนับสนุนการพัฒนากีฬาเข้าสู่ระบบการศึกษา เป็นสำคัญ

ด้วยกลยุทธ์ต่างๆที่กำหนดขึ้น พื้นที่ที่มีปัญหาเฉพาะด้านอย่างจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงศึกษาธิการโดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ได้ขับเคลื่อนการดำเนินการผ่านโครงการ “สานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาในจังหวัดชายแดนใต้” ใน 5 จังหวัด นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล และสงขลา (อ.นาทวี อ.สะเดา อ.จะนะ อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย) โดยการนำทีมนักกีฬาทีมชาติที่มีชื่อเสียงจุดประกายฝัน สร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้นักเรียนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดชายแดนใต้ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา มีความพร้อมและมีศักยภาพสานฝันความเป็นเลิศด้านกีฬา ตลอดจนการผลักดันไปสู่นักกีฬาอาชีพในที่สุด

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานกรรมการที่ปรึกษา คณะกรรมการอำนวยการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระบุว่า การพัฒนาการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ในการขับเคลื่อนให้ประชาชนได้พัฒนาในทุกๆด้าน ทั้งด้านความรู้ ด้านคุณธรรม และการมีอาชีพ ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข โครงการสานฝันการกีฬาฯ จึงเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษาได้มีโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาทักษะ และความรู้ทางกีฬา ตลอดจนส่งเสริมให้ได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นหรือการประกอบอาชีพในอนาคต

“การส่งเสริมให้คนที่มีความสามารถทางด้านกีฬาได้รับโอกาสในการศึกษาต่อที่สูงขึ้นจนถึงระดับปริญญาตรี ตลอดจนสร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะที่จะส่งผลให้เกิดสังคมสันติสุข เป็นการตอบสนองต่อนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนโยบายกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้เยาวชนได้เล่นกีฬาตามความสนใจ และความถนัดของตนเอง”

สำหรับโครงการสานฝันการกีฬาฯ ได้มีการเปิดหลักสูตร “วิทยาศาสตร์-กีฬา” ให้เยาวชน 5 จังหวัดชายแดนใต้ โดยมอบหมายให้โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ยะลา ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นโรงเรียนนำร่องในการจัดแผนการเรียนการสอน รับสมัครและคัดเลือกนักเรียนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าเรียนในโปรแกรมด้านวิทยาศาสตร์-กีฬาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ใน 5 ชนิดกีฬาซึ่งได้รับความนิยมในพื้นที่ ได้แก่ ฟุตบอล (และฟุตซอล) วอลเลย์บอล ตะกร้อ ปันจักสีลัต และมวยไทย โดยนักเรียนทุกคนที่เข้าเรียนจะได้รับทุนการเรียนจนจบการศึกษา

นายนิพัฒน์ มณี ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นราธิวาส เขต 1 เปิดเผยว่าการพัฒนาเด็กในแต่ละประเทศมีแนวคิดที่สอดคล้องกัน คืออยากให้เด็กได้อะไร ต้องนำสิ่งนั้นไปนำเสนอผ่านสิ่งที่เขาชอบ โดยก่อนหน้านี้ในพื้นที่มีเหตุการณ์ความรุนแรง ประกอบกับนักเรียนใช้เวลาไปกับการเรียนเพียงอย่างเดียว ทำให้มีความเครียด หลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดโครงการสานฝันกีฬาฯ สพป.ก็ได้สอดแทรกปลูกฝังการกีฬาให้แก่โรงเรียนในสังกัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กนักเรียนซึมซับการพัฒนาศักยภาพของตนเองด้านการกีฬา และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีความอดทน สามัคคี มีระเบียบวินัย สังเกตได้ว่า นักเรียนมีความสุขเพิ่มขึ้นและมีพัฒนาการด้านต่างๆ ขณะที่ผู้ปกครองและนักเรียนต่างชื่นชอบที่เด็กๆสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลยาเสพติด และอบายมุขต่างๆ

“ทาง สพฐ.ได้เน้นย้ำให้ สพป.ปลูกฝังสนับสนุนความสนใจและความสามารถด้านกีฬาของเด็กและเยาวชนควบคู่กับการศึกษาต่อไปได้ เพื่อไปต่อยอดและเข้าร่วมโครงการสานฝันกีฬาฯในระดับมัธยมศึกษา ตอบสนองทางเลือกในการศึกษาต่อ และอาจจะประกอบเป็นอาชีพต่อไปในอนาคต”