“จุรินทร์” รุกทำลายของกลาง
ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ณ ลานอเนกประสงค์ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 7 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล) เอกอัครราชทูต และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานต่างประเทศ ศิลปิน นักแสดง สื่อมวลชน ร่วมด้วย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การใช้ “ทรัพย์สินทางปัญญา” เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศ นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพัฒนา “ระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา” ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ “การบังคับใช้กฎหมาย” ให้มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
สำหรับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมีผู้แทนจาก 17 หน่วยงาน เป็นอนุกรรมการ โดยปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด (Physical Markets) และตลาดออนไลน์ (Online Markets) รวมทั้งเข้มงวดป้องปรามการนำเข้าหรือออกทางช่องทางผ่านแดนตลอดจนทำความเข้าใจ และทำความตกลงกับเจ้าของพื้นที่ ให้เพิ่มการกวดขันมิให้มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดในพื้นที่ของเจ้าของพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท
ที่ผ่านมาปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรมว่า การละเมิดในท้องตลาดและ การละเมิดบนอินเทอร์เน็ตมีปริมาณลดลง ซึ่งผลการดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องนี้ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะภาคเอกชนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงขอขอบคุณ ทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ได้ร่วมมือกันปราบปรามสินค้าละเมิด ทั้งในส่วนของการผลิต การจำหน่ายและการนำเข้าส่งออกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง นำมาสู่การทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วในวันนี้
สุดท้ายได้เน้นย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา อย่างจริงจัง จะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ “ระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย” เข้มแข็งเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้จากข้อมูลของกรมทรัพย์สินทางปัญญาพบว่า ของกลางที่นำมาทำลายมีจำนวนมากถึงสิบล้านชิ้นเศษ (10,620,825 ชิ้น) หากคิดเป็นมูลค่าตามราคาของจริงประมาณ 550 ล้านบาท (549,911,530 บาท) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และพยายามดำเนินการป้องกันไม่ให้ของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ถูกนำกลับมาขายในตลาดได้อีก โดยมีผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และผู้แทนหน่วยงานของประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง